ตัวอย่างหนังสามมิติ
ใน
ปัจจุบันภาพยนตร์ 3 มิติกำลังได้รับความนิยม
ในแทบทุกประเทศในโลก แต่เทคโนโลยีดังกล่าวก็ยังคงมีราคาแพง จนสองพนักงานบริษัทโปรดักชั่นแห่งหนึ่งในประเทศโบลิเวียคิดค้นเทคโนโลยีชนิด ใหม่ ซึ่งใช้กล้องธรรมดาในการถ่ายทำภาพยนตร์ 3 มิติขึ้นทดแทน
ในแทบทุกประเทศในโลก แต่เทคโนโลยีดังกล่าวก็ยังคงมีราคาแพง จนสองพนักงานบริษัทโปรดักชั่นแห่งหนึ่งในประเทศโบลิเวียคิดค้นเทคโนโลยีชนิด ใหม่ ซึ่งใช้กล้องธรรมดาในการถ่ายทำภาพยนตร์ 3 มิติขึ้นทดแทน
แม้ว่าเทคโนโลยีกล้อง 3 มิติจะแพร่หลายและได้รับความนิยมในหลายๆ ประเทศ
แต่สำหรับประเทศโบลิเวีย ประเทศที่ยากจนที่สุดในภูมิภาคอเมริกาใต้
การต้องลงทุนซื้อกล้องรุ่นใหม่ที่มีราคาแพง เพื่อสร้างภาพยนตร์ 3 มิติ
แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ข้อจำกัดดังกล่าวไม่ได้ทำให้ความตั้งใจในการสร้างภาพยนต์ 3
มิติของเออร์เนสโต้ เฟอร์นันเดซ และปาทริเชีย ควินตานิลลา
สองพนักงานของบริษัทโปรดักชั่นอิมาเกน รีล ลดละลง ตรงกันข้าม
ทั้งคู่กลับใช้เวลา 3 เดือนเต็มในการหาวิธีสร้างภาพยนตร์ 3
มิติจากกล้องดิจิตอลดีเอสแอลอาร์แบบธรรมดาๆ แทน ซึ่งได้ภาพยนตร์ 3
มิติแบบที่เห็นอยู่นี้
จากวิธีการที่ทั้งคู่ค้นพบนั่นก็คือการตั้งกล้องธรรมดา 2
ตัวให้หันไปในทิศทางที่เหมาะสมทั้งในแง่ขององศาและระยะห่าง
ซึ่งการคำนวณทำได้ง่ายขึ้น
เพราะทั้งคู่คิดค้นขาตั้งกล้องแบบพิเศษที่สามารถใช้ถ่ายภาพทางอากาศและนำ
อุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นเครื่องบินขนาดเล็ก
ทดลองถ่ายเทือกเขาและที่ราบสูงในโบลิเวีย
ปัญหาเรื่องหนึ่งที่ตามมา
หลังจากที่ทั้งคู่คิดค้นเทคนิคการใช้กล้องสำเร็จ นั่นก็คือ
เขาจะฉายภาพยนตร์ให้ออกมาเป็น 3 มิติได้อย่างไร เพราะเครื่องฉายภาพยนตร์ 3
มิติ ก็ยังมีราคาแพงอีก
ทางออกของปัญหานี้คือพวกเขาเลือกใช้เทคโนโลยี "คัลเลอร์โค้ด" ของเดนมาร์ก ซึ่งใช้โปรเจ็กเตอร์สองตัวในการฉายให้ภาพยนตร์เป็น 3 มิติ
เฟอร์นันเดซกล่าวว่าข้อดีของโครงการของพวกเขาก็คือ
อุปกรณ์ทุกชิ้นสามารถเคลื่อนย้ายได้ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถนำภาพยนตร์ 3
มิติไปฉายให้กับชาวโบลิเวียที่ไม่เคยดูภาพยนตร์ 3 มิติสักครั้งในชีวิตดูได้
เฟอร์นันเดซและควินตานิลลาใช้งบประมาณในโครงการนี้ไป 95,000 ดอลลาร์
หรือราว 2 ล้าน 8 แสนบาท ซึ่งถูกกว่างบประมาณปกติในการถ่ายภาพยนตร์ 3
มิติถึง 4 เท่า
โดยขณะนี้ทั้งคู่กำลังเตรียมพร้อมในการเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์สารคดี 3
มิติชุดใหม่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในประเทศโบลิเวีย
เรื่องราวนี้ ทำให้เห็นว่า อุปสรรคบางอย่าง ก็ทำให้มนุษย์พยายามใช้ศักยภาพที่มีอยู่มากขึ้น เพื่อคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่พวกเขาต้องการ เป็นการคิดแบบสรา้งสรรมากๆครับ