4K หรือ Ultra High Definition คือมาตรฐานใหม่ของความละเอียดของ "จอภาพ" และ "คอนเทนต์" โดย K ย่อมาจาก Kilo ซึ่งเท่ากับ 1000 ดังนี้ 4K ก็หมายถึง 4000 นั่นเอง สำหรับความละเอียดหน้าจอสำหรับทีวี 4K แบบ Widescreen หมายถึงมีความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล ผลรวมออกมาก็ได้ประมาณ 8.29 ล้านพิกเซล ทั้งนี้ความละเอียดในแนวนอนเท่ากับ 3840 เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกจึงมีการปัดเศษขึ้นให้เป็น 4000 จึงเป็นที่มาของคำว่า 4K นั่นเอง ! ในทางกลับกันทีวี Full HD ซึ่งเป็นมาตรฐานในตอนนี้มีความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งผลรวมออกมาได้ประมาณ 2.07 ล้านพิกเซล จะเห็นได้ว่าความละเอียดหน้าจอของทีวี 4K มากกว่าทีวีแบบ Full HD ถึง 4 เท่า โดยเจ้าความละเอียด 4K นั้นกำลังจะเข้ามาเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งการถ่ายทำด้วยกล้องความละเอียด 4K และจอฉายแบบ 4K และตลอดจนสินค้าทีวีและโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์
4K หรือ Ultra High Definition มีความละเอียดหน้าจอ (เม็ดพิกเซล) มากกว่า Full HD ถึง 4 เท่า
ประโยชน์ของภาพ 4K ในเชิงคุณภาพของภาพ
ยิ่งเม็ดพิกเซลเยอะ ก็จะส่งผลให้ขนาดเม็ดพิกเซลมีความเล็กและเรียงตัวกันถี่มากยิ่งขึ้น "รอยหยักตามขอบภาพแบบขั้นบันได" (Jaggies) ก็จะน้อยลง รวมถึงพื้นที่ "รอยต่อระหว่างพิกเซล" (Screen Door Effect) ก็จะแคบลงทำให้ภาพแลดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
มาตรฐานวงการทีวีไฮเดฟฟินิทชั่นแบบไวด์สกรีน
HD = 1366 x 768
Full HD = 1920 x 1080
Ultra HD (4K) = 3840 x 2160
หมายเหตุ สำหรับเทคโนโลยี 4K ทาง Consumer Electronics Association หรือ CEA ได้สรุปออกมาแล้วว่าให้ทุกค่ายทีวีใช้คำว่า Ultra High Definition (Ultra HD หรือ UHD) ในการเรียกความละเอียดแบบนี้ ซึ่งแบรนด์ทีวี, จอฉาย, หรือเครื่องเล่น จะต้องทำการเรียกและประชาสัมพันธ์สินค้าด้วยคำว่า Ultra High Definition แทนคำว่า 4K (รวมถึงเวลารีวิวสินค้าในเว็บ LCDTVTHAILAND ด้วย) และในอนาคตอันไกล (โพ้น) มาตรฐานความละเอียดของจอภาพและคอนเทนต์ก็จะสูงขึ้นอีก โดยคาดการณ์ว่าจะกลายเป็น 8K Ultra High Definition หรือ 7680 x 4320 ในที่สุด
หลายคนอยากทราบว่า 4K คืออะไร ขออธิบายคร่าวๆ ดังนี้
4K หรือที่สหภาพโทรคมนาคมสากล (ITU) กำหนดคำนิยามว่า "ทีวีความละเอียดสูงมาก" หรือ Ultra High Definition คือ มาตรฐานใหม่ของความละเอียดของ "จอภาพ" และ "คอนเทนต์" ด้วยความละเอียดหน้าจอสำหรับทีวี 4K แบบ Widescreen หมายถึงมีความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล ผลรวม 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมากกว่ามาตรฐาน Full HD 1920 x 1080 พิกเซล ผลรวม 2 ล้านพิกเซล จะเห็นได้ว่าความละเอียดหน้าจอของทีวี 4K มากกว่าทีวีแบบ Full HD ถึง 4 เท่า โดยเจ้าความละเอียด 4K นั้น กำลังจะเข้ามาเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งการถ่ายทำด้วยกล้องความละเอียด 4K และจอฉายแบบ 4K และตลอดจนสินค้าทีวีและโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ เทียบเท่ากับจอโรงภาพยนตร์ IMAX
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บรรดาผู้ผลิตสินค้า จอภาพ และ อุปกรณ์บันทึกภาพ ก็เริ่มส่งไลน์สินค้า ที่รองรับมาตรฐานการรับภาพ แบบ 4K ออกมากันบ้างแล้ว ทั้งแอลจี พานาโซนิค โซนี่ ซัมซุง ชาร์ป และโตชิบา และกล้องวิดีโอบางรุ่นของแคนนอน โดยในส่วนของโซนี่ก็กำลังพยายามปรับระบบอีโคซิสเต็มของสินค้าและบริการของบริษัทให้เข้าสู่มาตรฐาน 4K มากขึ้น โดยมีข่าวว่าโซนี่เตรียมนำภาพยนตร์จาก Sony Pictures มารีมาสเตอร์ให้เป็นความละเอียด 4K และนำใส่เซิร์ฟเวอร์ให้ลูกค้าทีวีของโซนี่ "ยืม" ไปดูกันได้ ขณะเดียวกัน PlayStation 4 จะรองรับการสตรีมภาพยนตร์ความละเอียด 4K ได้
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เฉพาะบรรดาผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่ตื่นตูมกับมาตรฐานความคมชัดระดับใหม่ อย่าง 4K เพราะทางด้านผู้ผลิตเนื้อหา ต่างก็สนใจที่นำใช้เทคโนโลยีใหม่ ในการเผยแพร่ภาพเช่นกัน โดยล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมวางแผนจะเริ่มออกอากาศสัญญาณทีวีความละเอียดระดับ 4K ภายในปี 2014 ซึ่งจะถือเป็นประเทศแรกของโลกที่ก้าวเข้าสู่ระบบ ultra HD ทั้งนี้เดิมทีรัฐบาลตั้งใจจะเริ่มใช้ระบบ 4K ในปี 2016 แต่ก็ต้องเร่งแผนให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันมหกรรมฟุตบอลโลกในปีหน้านั่นเอง โดยปัจจุบันในญี่ปุ่นมีทีวีความละเอียดระดับ 4K เข้ามาวางขายกันแล้ว
เชิญชมคลิป
สำหรับผู้อ่านท่านใดที่ต้องการรับชมภาพความละเอียด 4k ในเว็บไซต์ Youtube ก็มีวิดีโอตัวอย่างที่มีการถ่ายทำด้วย มาตรฐาน 4K ออกมาให้ชม (คลิกชมได้) แต่มีข้อแม้ว่า อินเทอร์เน็ตบ้านท่าน ต้องแรงมาก และอย่างน้อย จอภาพของท่านจะต้องรองรับภาพแบบ Full HD ได้ อย่างไรก็ดี สิ่งที่จะเป็นอุปสรรคสำหรับการแจ้งเกิดในเรื่องของเทคโนโลยี 4K ก็คือ 1.ราคาคอนเทนต์ที่อาจจะแพงเกินไป ขนาดแผ่นบลู-เรย์ 1080p ยังราคาเป็นหลักพัน ยังไม่รวมกับ ปัญหาการเก็บข้อมูลไฟล์วิดีโอ สำหรับคอนเทนต์ 4K ซึ่งจะใหญ่มาก ภาพยนตร์ 1 เรื่อง อาจมีขนาดถึง 100 GB ซึ่งมีขนาดมหึมา ขณะเดียวกัน สายเชื่อมต่อก็จะต้องเปลี่ยนไป เพราะพอร์ต HDMI คงไม่สามารถส่งสัญญาณภาพระดับ 4K ได้ ก็จะต้องเปลี่ยนไป ซึ่งล่าสุด VESA หรือ Video Electronics Standards Association องค์กรที่คอยออกมาตรฐานเกี่ยวกับเรื่องการแสดงผล ได้ประกาศบรรลุข้อกำหนดของมาตรฐาน Display Stream Compression Standard และเปิดรับข้อเสนอของมาตรฐาน 4K แล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีตัวพอร์ตเชื่อมต่อมาตรฐานออกมาในเร็วๆ นี้
นี่คือเทคโนโลยีจอภาพที่มันกำลังไล่ล่าเรา ต่อจากนี้ใครที่ยังไม่เคยรับชมทีวีไฮเดฟ ก็รอซัก 1-2 ปี ก็ข้ามไปที่อัลตราไฮเดฟได้เลย แทบจินตนาการไม่ออกเลยว่า ทีวีจะให้ภาพชัดไปถึงไหน เพราะนอกจากมี 4K แล้ว ก็ยังมี 8K ตามมาติดๆ.....
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย musa